nuanprang somsri

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วาดภาพสร้างสรรค์

ความหมายและคุณค่าของการวาดภาพ

    การวาดภาพมีความหมายรวมถึงการวาดภาพและการระบายสี โดยใช้ วัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนเทคนิกที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ดินสอ ปากกาหรือสีชนิดต่างๆ นำมาขูด ขีด เขียน ลาก หยด แต้ม ระบายตามความสนใจ ความถนัดและความเหมาะสมกับงานที่สร้างสรรค์ขึ้น การวาดภาพจึงนับได้ว่า เป็นจิตกรรมที่มนุษย์สามารถแสดงออกได้อย่างอิสรเสรี อย่างไรก็ตามการวาดภาพจึงมีคุณค่าจึงมีคุณค่าที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะและวิธีการสร้างสรรค์ เช่น ตามความเชื่อเดิมในทางศิลปะนั้น ภาพวาดที่วาดไดเหมือนจริงตามแบบของต้นฉบับหรือวาดได้สวยงามเหมือนธรรมชาติมาก ก็นับได้ว่าป็นผลงานที่มีคุณค่ามาก ในสมัยปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวได้เปลี่ยนไปอีก คีอ ภาพที่แสดงถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจินตนาการอันกว้างไกลของผู้วาดจะได้รับการคัดเลือก และยกย่องว่ามีคุณค่าสูงไปอีกลักษณะหนึ่ง ดั้งนั้นคุณค่าของการวาดภาพนอกจากประกอบด้วยเรื่องราวความเหมือนจริงการใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆ แล้ว ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จึงมีส่วนสำคัญอีกด้วย







      ภาพจิตรกรรมของไทย
    มีคุณค่าและความงดงาม
 แบบประจำชาติอันวิจิตร
พิสดารกว่าศิลปะชาติอื่นใด








เครี่องมือและอุปกรณ์

   เครื่องมือและอุปกรณ์ เป็นสิ่งที่ช่วยให้การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะทางด้านทัศนศิลป์ประเภทต่างๆ ตามลักษณะของเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในระดับนี้ คือ





1. กระดาษวาดเขียน เป็นอุปกรณ์สำคัญในการวาดเขียนเป็นที่รองรับรอยขีดเขียนเพื่อให้เกิดภาพกระดาษวาดเขียนมีหลายลักษณะแตกต่างกันตรงที่เนื้อและผิวของกระดาษ เช่น ผิวละเอียด หยาบ ขรุขระ มีความหนาบางไม่เท่ากัน เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของงานที่จะสร้างสรรค์
     กระดาษ  นอกจากกระดาษขาววาดเขียนธรรมดาแล้ว ยังมีกระดาษที่จัดทำไว้เพื่อความสดวกและเหมาะสมกับงานแต่ละชนิดอีก เช่น กระดาษปรู๊ฟ กระดาษสีโปสเตอร์ กระดาษอาร์ต และกระดาษเขียนสีชอล์ก เป็นต้น


*

2. ดินสอดำ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการเขียนภาพอีกชนิดหนึ่ง ปัจจุบันดินสอได้ปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานอยู่มากมายหลายลักษณะ
            ดินสอที่เหมาะสมกับการวาดภาพเขียนภาพ คือ ดินสออ่อน 2 บี ใช้ในการร่างภาพส่วนการแรเงาใช้ 5 บี 6 บี





3. ถ่านชารืโคล (Charcoal ) เป็นถ่านแท่งยาวไม่มีหุ้มเหมือนดินสอดำ ขณะที่เขียนภาพควรจับเบา ๆ ใช้เขียนแรเงาภาพมีลักษณะแตกต่างไปจาดดินสอดำ





4. เครยอง (Crayon) เป็นแท่งสี่เหลี่ยมที่มีไม้หุ้มเช่นเดียวกับถ่านชาร์โคลแต่มีขนาดสั้นและแข็งกว่ามีสีเข็มหลายสี เช่น สีน้ำตาลแก่ สีน้ำเงิน และสีดำ





5. สีเทียน (Wax Crayon) เป็นแท่งกลม มีปลอกกระดาษห้อหุ้มเพื่อไม่ให้หักง่ายและไม่เปื้อนนิ้วมือเวลาเขียนภาพ มีหลายสี



6. สีชอล์ก (Pastel) เป็นแท่งคล้ายสีเทียน มีหลายสี การระบายถ้าต้องการใช้สีกลมกลืนอาจใช้นิ้มมือถู หรือใช้สำลีเกลี่ยให้สีกลมกลืนกันได้




7. สีน้ำ (Water Colour ) สีน้ำปัจจุบันบรรจุไว้ 2 ลักษณะ คือ

7.1 บรรจุหลอด คล้ายหลอดยาสีฟัน เนื้อสีมีลักษณะเหลว มีหลายสี ภายในหนึ่งหลอดบรรจุเพียงสีเดียว โดยทั่วไปนิยมใช้เพียงแม่สี 3 สี คือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลือง เพราะผสมกันเป็นสีอื่นๆได้

7.2 บรรจุกล่อง เนื้อสีมีลักษณะแข็ง เวลาใช้ต้องผสมน้ำให้สีละลายนำไปผสมกับสีอื่นๆ ได้ เช่นเดียวกับชนิดหลอด




8. สีโปสเตอร์ ( Poster Colour ) เป็นสีฝุ่นผสมน้ำบรรจุขวด ใช้น้ำและสีขาวผสมได้ มีหลายสี ปัจจุบันนิยมใช้มากในงานออกแบบสาขาต่างๆ ใช้เขียนลงบนกระดาษวาดเขียน กระดาษสีโปสเตอร์ แผ่นไม้ ผ้าและผิววัสดุอื่นๆ ได้





9. พู่กัน พู่กัน ใช้เขียนระบายสี มี 2 แบบ คือ

9.1 พู่กันกลม ขนแปรงอ่อน สำหรับใช้กับสีน้ำและสีโปสเตอร์

9.2 พู่กันแบน ขนแปรงอ่อน สำหรับใช้กับสีน้ำและสีโปสเตอร์ ขนแปรงแข็ง สำหรับใช้กับสีน้พฃำมันหรือใช้ผสมสี
    
     พู่กันกลมและพู่กันแบนมีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับงานแต่ล่ะชนิด จึงกำหนดขนาดเรียกกันเป็นเบอร์เริ่มตั้งแต่เบอร์เล็กสุดจนถึงเบอร์ใหญ่สุด คือ เบอร์ 0 พิเศษ เบอร์ 0 ถึงเบอร์14




10. จานผสมสี ทำด้วยโลหะหรือพลาสตอก มีชองสำหรับผสมสีหลายช่อง อาจมีลักษณะกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้




11. ยางลบ เป็นยางลบชนิดอ่อน ใช้ลบดินสอดำไม่ควรใช้ยางลบชนิดแข็งเพราะจะทำให้กระดาษเป็นขุยหรือขาด เมื่อแรเงาหรือระบายสีก็จะไม่เรียบ ไม่สวยงามเท่ากับใช้ยางลบชนิดอ่อนลบ





12. กระดาษรองเขียน ใช้วางกระดาษเพื่อสะดวกในการร่างภาพ เขียนภาพ สามารถวาตั้งให้เรียงเป็นลักษณะต่างๆ ได้ตามต้องการ และเคลื่อนย้ายไปเขียนภาพตามสถานที่อื่นๆ ได้ มีขนาดกว้างกว่ากระดาษที่ใช้เขียนภาพเล็กน้อย ปัจจุบันใช้แผ่นไม้อัดหรือกระดาษอัด ซึ่งมีความเหมาะสมในการรองเขียนภาพได้เป็นอย่างดี
       ภาพวาดที่ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน มีลักษณะแตกต่างกันดังต่อไปนี้

      ภาพเขียนด้วยถ่านชาร์โคล




      ภาพเขียนด้วยสีชอล์ก



           ภาพเขียนด้วยสีเทียน



           ภาพเขียนด้วยสีน้ำ




         ภาพเขียนด้วยดินสอดำ







สีน้ำมันบนผ้าใบ



        ภาพเขียนด้วยสีโปสเตอร์


   วาดภาพเครยองบนกระดาษ



       


การสร้างสรรค์วาดภาพแสงเงา

               การวาดภาพที่แสดงแสงเงาบนภาพนั้น จะแสดงถึงความกลมกลืนตามสายตาที่มองเห็น คือมีความตื้น ลึก นูน หนา บาง โค้ง เว้า เป็นเหลี่ยมได้อย่างชัดเจนกว่าภาพที่แสดงด้วยเส้นเพียงอย่างเดียวอุปกรณ์ที่ใช้ฝึกหัดวาดภาพแสดงแสงเงา จนถึงขั้นการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพแสงเงาเริ่มจากการใช้ดินสอดำชนิดอ่อนประมาณ 5 บี - 6 บี แรเงาหรือเขียนด้วยถ่านชาร์โคล ( Charcoal ) ตลอดจนแสดงแสงเงาโดยใช้ระบายด้วยสีใดสีหนึ่งเพียงสีเดียว
               ภาพแสงเงาของธรรมชาติหรือวัตถุจริงจะวาดและแรเงาให้เป็นไปตามความจริงที่ปรากฏในทุกส่วน การวาดแสงเงาของภาพตามจิตนาการก็ควรคำนึงส่วนที่เป็นแสงสว่างและส่วนที่เป็นเงามืดด้วยเช่นเดียวกัน

        ชนิดของการวาดภาพแสงเงา

       การวาดภาพแสงเงาสามารถปฏิบัติได้หลายแบบ แต่โดยส่วนรวมแล้วจะแยกออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

           1. ภาพแสงเงา 2 ระยะ ภาพแสงเงาที่แสดงเพียง 2 ระยะ มีความกลมกลืน แสดงส่วนละเอียดได้น้อย เห็นเงาในภาพเป็นแผ่นแบนๆ
           2. ภาพแสงเงา 3 ระยะ ภาพแสงเงาที่แสดงเพียง 3 ระยะ มีความกลมกลืน แสดงส่วนละเอียดได้เพิ่มมากขึ้นกว่าชนิดแรก ภาพจะแสดงให้เห็นส่วนที่เป็นแสงสว่าง เงาจางของวัตถุ และเงาดำจัดของวัตถุ
           3. ภาพแสงเงากลมกลืน ภาพแสงเงากลมกลืนเป็นภาพชนิดที่แสดงความกลมกลืนแสดงส่วนละเอียดของภาพได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เป็นภาพที่มีลักษณะเหมือนจริงมาก

                          เงาของวัตถุจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแสงสว่างที่ส่องมากระทบวัตถุนั้น ๆ แสงสว่างน้อยเพียงสลัว ๆ เงาของวัตถุที่ปรากฏก็จะน้อย ส่วนแสงสว่างมาก เงาของวัตถุที่ปรากฏก็จะเข้มชัดมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้จัดระยะของแสงสว่างกับเงามืดไว้โดยประมาณ 7 ระยะ ดังนั้น การวาดำภาพให้มีแสงเงากลมกลืนกันจึงควรแรเงาจากส่วนที่รับแสงสว่างจนถึงมืดที่สุดถึง 7 ระยะเช่นกัน นอกจากเงาที่เกิดบนตัวของวัตถุเองแล้วยังคำนึงถึงเงาต่อไปนี้อีก เช่น

   เงาทอด หรือเราจะรู้จักและเรียกกันว่า " เงาตามตัว" ซึ่งเกิดจากแสงสว่างส่องมายังวัตถุแล้วเกิดเงาตกทอดลงบนพื้นที่วัตถุนั้นวางอยู่
   เงาคาบเกี่ยว เป็นเงาที่เกิดขึ้นบนระนาบที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เงาของวัตถุนั้นตกทอด แล้วยังบังเกิดต่อนื่องไปยังพื้นระนาบนั้นอีก เช่นเดียวกับเงาที่เกิดบนพื้นแล้ว เงายังไปเกิดบนผนังบ้านหรือกำแพงบ้านอีก จึงเรียกว่า " เงาคาบเกี่ยว "


 การสร้างสรรค์วาดภาพเส้นชนิดต่างๆ

      เส้น เกิดจากการลาก ขูด ขีด เยน ด้วยวัสดุต่างๆ บนระนาบรองรับเส้นมีลักษณะต่างกันตามวัสดุและระนาบรองรับ  เช่น

               เส้นที่เกิดจากปากกาบนกระดาษอาร์ต จะเรียบชัดเจนมากกว่าเส้นที่เกิดจากพู่กันบนกระดาษที่มีผิวหยาบ
               เส้นที่เกิดจากดินสอดำ จมีสีอ่อนกว่าเส้นที่วาดด้วยปากกาหมึกดำการวาดภาพด้วยเส้นจึงต้องคำนึงถึงวัสดุและแผ่นระนาบที่รองรับด้วย เส้นจะแสดงความรู้ศึกต่อผู้พบเห็น เช่น เส้นที่มีความคมชัดเป็นระเบียบ อาจแสดงความประณีตเรียบร้อย หรือเส้นที่แสดงความขรุขระ อาจะแสดงถึงความหยาบของวัสดุที่เป็นต้นแบบของภาพนั้น

     ชนิดของเส้นที่ใช้วาดภาพ เส้นที่ใช้ในการวาดภาพส่วนมากจะนำมาใช้ในส่วนของการแรเงาภาพ ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้ ( โกสุม สายใจ, 2530 : 75 )
             เกลี่ยเรียบด้วยดินสอ แล้วใช้มือถูช่วยในบางส่วน จะเกิดภาพที่มีความนุ่มนวล หวานซึ้ง
             เกลี่ยเรียบด้วยเส้นทางเดียวกัน จะเกิดภาพที่มองดูแล้วมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
             เส้นตรงตัดกัน จะเกิดภาพที่มีความหนักแน่น แข็งแรง
             เส้นโค้งและโค้งตัด จะเกิดภาพที่มีลีลาการใช้เส้นแปลกออกไป จะมีความรู้สึกเคลื่อนไหวในตัวเอง
             เส้นวนไปวนมา จะเกิดภาพที่มีความแปลกตา ผู้เขียนจะต้องมีความอุตสาหะและมีความระเอียดพอสมควร
             เส้นผสม จะเกิดภาพที่มีความงามแปลกออกไป เพิ่มความหน้าดูยิ่งขึ้น



*********************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น